นายกฯ ห่วงไฟป่าเหนือ-ใต้ สั่งเพิ่มกำลังทหารช่วยสกัด
Share this post on: Twitter Facebook
“บิ๊กตู่” ห่วงไฟป่าเหนือ-ใต้ สั่งเพิ่มกำลังทหารใช้ ฮ.ช่วยสกัดแนว เผยสาเหตุรู้เท่าไม่ถึงการณ์-ปัญหาความยากจน เพราะคนจุดไม้ขีดก้านเดียว ด้าน “กอบกาญจน์” เผยไม่กระทบการท่องเที่ยว…
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 9 พฤษภาคม ที่ท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาไฟไหม้บนดอยสุเทพในเขตอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย ใกล้กับหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ว่า ได้สั่งการลงไปเรียบร้อย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สกัดไฟดังกล่าว สามารถควบคุมได้แล้ว และตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ รวมทั้งที่เกิดเหตุไฟไหม้พื้นที่ภาคใต้บริเวณป่าพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส ก็ได้รับรายงานมาตั้งแต่ต้น และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหา โดยบูรณาการการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งสั่งการให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือด้วย เพราะว่าต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บรรทุกน้ำ
เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียน ไม่ใช่ว่าเกิดไฟไหม้ทีแล้วต้องมาดับที เราต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุ ทุกเรื่องอยู่ที่จิตสำนึกของทุกคนทุกเรื่อง มันอยู่ที่การจุดไฟในป่า ซึ่งก็คนจน แต่จะทำอย่างไรให้เขาเข้าใจ เป็นสิ่งที่รัฐบาลหนักใจว่า จะดูแลคนเหล่านี้ได้อย่างไร ให้เขามีความเพียงพอต่ออาชีพและรายได้ เพราะเมื่อเขาไม่มีก็ต้องไปหาของป่า บางครั้งก็ไปจุดไฟเผาจนทำให้เกิดปัญหาไฟไหม้ลามบานปลาย ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกปีจนเกิดความเสียหาย และจะแก้ไขปัญหาด้วยการปลูกป่าเพิ่มก็ไม่ทัน
“การแก้ไขปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุคือการเผาป่าที่มีทุกปี ซึ่งผมได้สั่งให้มีการบูรณาการงานร่วมกัน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหา นอกจากเรื่องของไฟไหม้แล้ว ก็จะมีปัญหาหมอกควันตามมาอีก ดังนั้นการแก้ปัญหาหมอกควันต้องแก้ที่ต้นเหตุการณ์เผาป่า ซึ่งเกิดขึ้นทุกปี เรื่องนี้เกิดจากประชาชนที่มีรายได้น้อยเข้าไปในป่าและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ใช้ความคิดแบบโบราณ เราต้องแก้ทั้งหมด โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นภาระผูกพันยาวนานทั้งเรื่องการสร้างความเข้าใจ ความยากจน เรื่องธรรมชาติต่างๆ มีความซับซ้อน ถือเป็นความยากของรัฐบาล แต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า สรุปขณะนี้สามารถดับไฟป่าได้สนิทแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่าไฟในพื้นที่ยังดับไม่สนิท แต่สามารถสกัดไฟไว้ตามแนวกันไฟได้ ทั้งที่ภูพิงค์และดอยสุเทพ อย่างไรก็ตาม ไฟป่านั้นดับไม่ได้ง่ายๆ เพราะไฟไหม้กินพื้นที่กว่า 500 – 600 ไร่ ส่วนที่ภาคใต้ก็มีไฟไหม้ป่ากว่า 1,000 ไร่เหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่ถูกจุดจากไม้ขีดก้านเดียว ดังนั้นเราต้องช่วยกันฝากบอกไปถึงทุกคนด้วย และตนได้มีคำสั่งไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีกฎหมายหลายกฎหมาย รวมถึงคำสั่งหลายคำสั่งแล้ว เพียงแต่จะทำกันหรือเปล่า
ขณะที่ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงผลกระทบในส่วนของการท่องเที่ยวว่า ในส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวคงไม่ถึงขั้นที่จะออกมาตรการ หรือกำหนดเป็นโซนนิ่งในการป้องกันเรื่องไฟป่า เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวคงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ขอหารือและพูดคุยกับทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากอะไร
สำหรับปัญหาไฟป่าของประเทศไทยไม่ได้มีเฉพาะที่เชียงใหม่เท่านั้น มีเชียงรายและอีกหลายพื้นที่ รวมทั้งในประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีปัญหาดังกล่าว เพราะฉะนั้นสำหรับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไทยเที่ยวไทย หรือชาวต่างชาติ ที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยบ่อยๆ ส่วนใหญ่มีความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างช่วงสงกรานต์ ก็ยังมีปัญหาหมอกควันอยู่ อีกทั้งทั่วโลกเองไม่ว่า จะมีประเทศสหรัฐฯ และแคนาดา ก็มีปัญหาเกิดขึ้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เช่นเดียวกับกรณีแผ่นดินไหว ซึ่งจากการตรวจสอบการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ทุกอย่างยังเป็นไปอย่างปกติ จำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นทั้งสองส่วน ดังนั้นจึงไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว
“ขอฝากคนไทยให้เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการดูแลนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติให้เปรียบเสมือนญาติ ให้ความรู้ดูแลเรื่องความปลอดภัย เราต้องช่วยกัน จะพึ่งเฉพาะเจ้าหน้าที่อย่างเดียวก็คงไม่พอ” นางกอบกาญจน์ กล่าว
ที่มา: thairath.co.th