ผลงานล่าสุดของทีมงาน หมอปั่นภาพ (Spin Doctors) ต่อการใช้ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม
Share this post on: Twitter Facebook
ผลงานล่าสุดของทีมงาน หมอปั่นภาพ (Spin Doctors) ต่อการใช้ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมในการเป็นนกต่อเพื่อแอบแก้ไขเนื้อหาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 190
อาชีพ “หมอปั่นภาพ” หรือ “Spin Doctor” ถูกนิยามไว้ครั้งแรกเมื่อเกือบ 30 กว่าปีที่แล้วโดยกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ New York Times ได้ให้รายละเอียดไว้ว่า Spin Doctorคือกลุ่มคนซึ่งเป็นทีมงานมืออาชีพฝ่ายประชาสัมพันธ์ของนักการเมืองที่มีหน้าที่คอยกำหนดยุทธศาสตร์ในการปล่อยข่าวที่มี Impact สูงต่อสาธารณะ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์ให้นักการเมืองคือประโยชน์สูงสุด แน่นอนในบางเรื่องที่เป็นผลเสียต่อรัฐบาลแต่จำเป็นต้องแถลงการต่อประชาชนเหล่า หมอปั่นภาพ จำเป็นต้องหาเรื่องอื่นซึ่งเป็นประเด็นร้อนทางสังคมมากลบแทนเพื่อลดแรงต้านทานที่รัฐบาลจะได้รับ
แทบจะเรียกได้ว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องไหนจะร้อนแรงได้เท่าการคัดค้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแบบสุดซอย ซึ่งเรียกแขกได้เกือบทุกชนชั้นไม่ว่าเป็น ข้าราชการ นักธุรกิจ อาจารย์มหาวิทยาลัย นิสิตนักศึกษา หรือแม้กระทั่งกลุ่มของเสื้อแดงบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมฉบับนี้ นับได้ว่าตั้งแต่มีการใช้งาน Social Network ในประเทศไทยคงไม่มีครั้งไหนที่ประชาชนส่วนใหญ่พร้อมใจกันคัดค้านการกระทำของรัฐบาลได้มากเท่าครั้งนี้ ส่วนพรรคการเมืองไหนจะฉกฉวยโอกาสในการหาเสียง หรือใครจะชิงใช้จังหวะนี้ในการเพิ่มค่าตัวเพื่อผลักดันให้เกิดม๊อบเติมเงิน ผมคงไม่ขอวิจารณ์เพราะมองว่ามันเป็นแค่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุที่แท้จริงคือความต้องการของใครบางคนที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบทบัญญัติของ ม.190 ต่างหาก!!
ทีมหมอปั่นภาพ อ่านเกมส์ขาดตั้งแต่ต้นว่าต้องมีคนจำนวนมากออกมาค้าน พ.ร.บ. ฉบับนี้จึงได้มีการสอดไส้ให้มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขเนื้อหาบางส่วน แต่ก่อนที่จะเจาะลึกเข้าสู่รายละเอียดลองมาทำความเข้าใจเนื้อหาของ มาตรา 190 ก่อนว่าเป็นอย่างไร เนื้อหามีดังนี้ครับ
“มาตรา 190 พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่นกับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ
หนังสือ สัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขต ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมาย ระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ในการนี้ รัฐสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องดัง กล่าว
ก่อน การดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศตาม วรรคสองคณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และต้องชี้แจงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับหนังสือสัญญานั้น ในการนี้ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบด้วย
เมื่อ ลงนามในหนังสือสัญญาตามวรรคสองแล้ว ก่อนจะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน คณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญานั้น และในการที่การปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน หรือ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเป็นธรรม
ให้ มีกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า หรือการลงทุน อย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญา ดังกล่าวโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผล กระทบจากการปฏิวัติตามหนังสือสัญญานั้นและประชาชนทั่วไป
ในกรณีที่มีปัญหาตาม วรรคสอง ให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยชี้ขาด โดยให้นำบทบัญญัติตามมาตรา 154(1) มาใช้บังคับกับการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม”
ปัญหาคือการตีความว่า อะไรคือมาตรฐานในการใช้ตัดสินว่าเรื่องใดมีผลกระทบต่อ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า หรือการลงทุน อย่างมีนัยสำคัญ? กลุ่มที่ออกมาเห็นด้วยกับการปรับแก้เนื้อหาของมาตรา 190 แสดงจุดยืนว่าความคลุมเครือในการตีความของมาตรานี้ ส่งผลให้หนังสือสัญญา ส่วนใหญ่ หรือ เกือบหมด ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง จะต้องนำเข้าสภา เพื่อขอความเห็นชอบซึ่งทำให้การเดินเรื่องต่างๆเป็นไปอย่างเชื่องช้าและที่สำคัญ สิ่งที่ควรเป็นความลับสุดยอดของประเทศชาติก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไปเมื่อต้องถูกตีแผ่ในสภา
(อ้างอิงจาก เดลินิวส์ 2 กรกฎาคม 2555)
ในขณะที่ฝ่ายที่เห็นค้านกับการยื่นแก้ไขมาตรา 190 ในครั้งนี้ชี้ประเด็นว่า ร่างมาตรา 190 ฉบับแก้ไขที่พึ่งผ่านรัฐสภาไปอย่างเงียบเชียบเมื่อเที่ยงวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน ด้วยคะแนนเสียง 381 ต่อ 165 เสียง งดออกเสียง 9 เสียงนั้น ได้ตัดสาระสำคัญ 5 เรื่องออกไปนั้นคือ
1.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแต่เดิมหนังสือสัญญาเหล่านี้ต้องนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ต่อจากนี้จะไม่นำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา มีเพียงหนังสือสัญญาที่มีบทให้เปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนเท่านั้น ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเมื่อการเจรจาเสร็จสิ้นแล้ว
2.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดกระบวนการเสนอ “กรอบเจรจา” ต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญา ซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองให้แก่รัฐไทย และทำให้คณะเจรจาต้องดำเนินการเจรจาอย่างมีคุณภาพและรอบคอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่อารยประเทศต่างๆ ถือปฏิบัติ
3.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และเป็นกลไกที่ช่วยให้การเจรจามีความรอบคอบ ช่วยให้ผลการเจรจามีความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์โดยรวมต่อประเทศสูงสุด
4.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดกระบวนการศึกษาวิจัยผลกระทบที่เป็นอิสระ เพื่อช่วยทำให้การเจรจามีความรอบคอบและรอบด้าน และมีความรู้ ข้อมูลเท่าทันกับคู่เจรจา
5.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุล การมีส่วนร่วม ระหว่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและภาคประชาชน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม และช่วยสร้างธรรมาภิบาลในกระบวนการเจรจาจัดทำหนังสือสัญญา
(อ้างอิงจาก คมชัดลึก 7 พฤศจิกายน 2556)
พูดง่ายๆคือ มาตรา 190 ฉบับแก้ไขนี้ได้ทำลายกลไกที่สำคัญในการควบคุมดูแลตรวจสอบความโปร่งใส เพื่อไม่ให้การลงนามหรือทำสัญญาใดๆของรัฐบาลมีวาระซ่อนเร้นแอบแฝงในทางการเมือง หรือการมีผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มธุรกิจทางฝั่งรัฐบาล
เปรียบประชาชนเป็นเจ้าของส่วนมะม่วง รัฐบาลเป็นผู้รับจ้างมาดูแลสวนมะม่วง ต่อจากนี้ไปผู้รับจ้างมาดูแลส่วนมะม่วงจะไปทำสัญญาซื้อขายอะไรกับใครก็ได้ทั้งนั้นโดยไม่ต้องถามความคิดเห็นจากเจ้าของสวนมะม่วงอีกต่อไป เพราะถือว่าได้รับการมอบอำนาจมาจากเสียงส่วนใหญ่แล้ว ขอไว้อาลัยให้ประชาธิปไตยในยุคที่มีผู้นำเป็น Smart Lady!!